คุณสมบัติของแสง
แสงจะมีคุณสมบัติที่สำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ การเดินทางเป็นเส้นตรง (Rectilinear propagation) , การหักเห (Refraction) , การสะท้อน (Reflection) และการกระจาย (Dispersion)
การเดินทางแสงเป็นเส้นตรง
ในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเห (refractive index ; n) ของแสงเท่ากัน แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงโดยค่า n สามารถหาได้จากสมการ 2.1
แสงจะมีคุณสมบัติที่สำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ การเดินทางเป็นเส้นตรง (Rectilinear propagation) , การหักเห (Refraction) , การสะท้อน (Reflection) และการกระจาย (Dispersion)
การเดินทางแสงเป็นเส้นตรง
ในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเห (refractive index ; n) ของแสงเท่ากัน แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงโดยค่า n สามารถหาได้จากสมการ 2.1
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjJxjWN6OvoK50SZVBEykIsM9g2TF22aJoeH2ZEg2NkXJ_Mge3LXwPSOxAXSVmS9BGZp6bsVO2ddALN8AIqbxT9otpxlBuuKv0Y-ZSmEgTUjAtpF-5k5ToezEzNZlsTISZ1jDJxaG0C1ws/s320/2.gif)
โดยที่ คือ ความเร็วของแสงในสูญญากาศ
คือ ความเร็วของแสงในตัวกลางนั้นๆ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgpEEgQ_0ENmtKC8M3yqdE0lfpJHyBwlhlRal4rLhC5fHOuSJNvRhdHjnkmS8ixA4dea5qI6rb5AGjqlJO_YsFsnmtbTAXfxpXM7uKqy3iAx_AGs-8pBb6af9xkFdsKPUuv8RGY3t0_2Ge/s320/2_1.gif)
รูปที่ 2.1 ช่วงแถบความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้ในการสื่อสารเส้นใยแสง
การสะท้อน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgi6oKQP-GR8Ak9pZMSt5vJJ7oDQC-3z0bETwgzWNCTLo0TMIXopMDX4IrnabRGlV3SCJaVLuiA0PeaV4eY0IkV4uBQjNR8Wjjd7ex4UUM0yEKIzvVUOPmR4tlbXYe_dXeqF-JSya1ukn2U/s320/pic2.2)
» การสะท้อนแบบกระจาย (Diffuse reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบวัตถุที่มีผิวขรุขระดังรูปที่ 2.3
รูปที่ 2.3 การสะท้อนแบบกระจาย![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiDOkogeZfnRogdWsI8OswlTFPp7vZO2O1ZaT0wXXMzLb_yCWaleLeVWpTkJQdnk7EVymyelAi-JXeBJrVRz2zoOKkie37SwKsOzFAEpr8IFZX8i5LjoXbtQXUOdXxlKgk-G4MdvuTOd6dg/s320/pic2.3)
โดยการสะท้อนของแสงไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามจะต้องเป็นไปตามกฎการสะท้อนของแสงที่ว่า "มุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ"
การหักเห
การหักเหของแสงจะเกิดขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหไม่เท่ากัน โดยลำแสงที่ตกกระทบจะต้องไม่ทำมุมฉากกับรอยต่อระหว่างตัวกลางทั้งสอง และมุมตกกระทบต้องมีค่าไม่เกินมุมวิกฤต (Critical angel ; ) โดยการหักเหของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี คือ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEisHNRi4-puQV02cPPXBioquvq_RNx7NB-WlqsgRObpDutJi7KcJPN4OHgSJglme1YKRG2mzjp5ev_5l7ZZ8zkPM1UXzvbs0kS6dXxeyZZ4AO-p8c_7a6ns4EY7aIo7KpkVcMRXcOeKU3By/s320/pic2_5.gif)
(2.5)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZzyXckup8RdZpHQbVf0jqFCmwa2w-z_J8yqtj_jw-Oix87N3MWrhR6u6iZRPcetPAj53GRzMzzOGIAs8H3IGThgdI-4BDlXr6Ow3uPgCC4Gl3A2dl2Depl2NdXx_XySxOIRdqTfn2XCYM/s320/2_6.gif)
(Snell's Law) » n1 > n2 แสงจะหักเหออกจากเส้นปกติ
รูปที่ 2.6 การหักเหของแสงกรณี n1 > n2![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1bEBLup_aP8wGl7YcJQxn_GjOeYwakiY_tjfdjpYowHKFY4oUNSR-ypXeqf248vgStwtmmgEOuam2b5JKjdnjF19LkG2O3ikPKOlmpuglYLodnF6ABATo9pM3oVra7jODSCQUz2HGHA3x/s320/pic2.7)
จากรูปที่ 2.6 จะเห็นว่าระยะทาง BC มีค่ามากกว่า B'C' เนื่องจากระยะทาง BC เป็นการเดินทางของแสงในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหน้อยกว่า ดังนั้นในระยะเวลาเท่ากันแสงจะสามารถเดินทางได้มากกว่า
» การสะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection)
การเกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อค่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 1 มีค่ามากกว่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 2 (n1 > n2) และ ซึ่งจะส่งผลให้ มีค่าเท่ากับ หรือมากกว่าโดยเราสามารถหาค่า ได้จาก Snell's Law
เมื่อ จะเกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงซึ่งจะได้ ดังนั้น
ดังนั้นจะได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIBifuURS84bRHdveBBU3UWv1cBlxsbJffsJsEBTpQscXF29pW9sTF83YoQu5o9VaVVJCkdxz1oFd8tHw-GLqTuUKsjg7HvWW4LkvqaN7ZoXqT9Xqp2ZPyV8PaqiN2t_S8wSEE8Dqh_Avw/s320/pic2_7.gif)
รูปที่ 2.7 การสะท้อนกลับหมดของแสง
ในรูปที่ 2.8 แสดงตัวอย่างของการสะท้อนกลับหมดของแสง โดยการมองเครื่องบินที่อยู่ในอากาศจากใต้น้ำ ซึ่งจะสามารถมองเห็นเครื่องบินได้ก็ต่อเมื่อเรามองทำมุมกับผิวน้ำมากกว่า ค่าดังกล่าวได้มาจากการคำนวณมุมวิกฤตดังนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXzR60225fneOr0wdy8iVyWJtRyPZYSukbINfoflpC1EwbvL4AD5qitapWoJDqR0uKh6xjPAwN3d39aedUP8f0dYCL0dkNwLGqphQEXJBQF4qPxCfEr1zl-3F96HTpDiadBShtN7-Q_FhD/s320/pic2_8.gif)
รูปที่ 2.8 ตัวอย่างการสะท้อนกลับหมดของแสง
จากสมการ แทนค่า n2=1 และ n1=1.33 จะได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2Ih_SWwh3OuScXDjTmQ9NmywNb6UPaMUU6B2stUFv4sOlxTQueMf8hGCj5Y5vhdvk2AcziO0mIZfLWKYx2y7E0x-rOzBPmqtvL6qHGlU463yvA4AI1rcEFwBzcAW9iGIFQMTiU7KAu1DE/s320/2_19.gif)
ดังนั้นการมองจะต้องทำมุมกับเส้นปกติน้อยกว่า จึงจะสามารถมองเห็นเครื่องบินได้ ถ้าเรามองทำมุมกับเส้นปกติเท่ากับหรือมากกว่า จะทำให้เกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงจึงไม่สามารถมองเห็นเครื่องบินได้ ซึ่งปรากฏการณ์การสะท้อนกลับหมดของแสงนี้จะทำให้แสงสามารถเดินทางไปในเส้นใยแสงได้
การกระจาย
ในการพิจารณาการเดินทางของแสงที่ผ่านๆ มา เราสมมติให้แสงที่เดินทางมีความยาวคลื่นเพียงความยาวคลื่นเดียวซึ่งเราเรียกแสงชนิดนี้ว่า "Monochromatic" แต่โดยธรรมชาติของแสงแล้วจะประกอบด้วยความยาวคลื่นหลายความยาวคลื่นผสมกัน ซึ่งเราเรียกว่า "Polychromatic" ดังแสดงในรูปที่ 2.9 จะเห็นว่าแสงสีขาวจะสามารถแยกออกเป็นแสงสีต่างๆ (ความยาวคลื่นต่างๆ) ได้ถึง 6 ความยาวคลื่นโดยใช้แท่งแก้วปริซึม ซึ่งกระบวนการที่เกิดการแยกแสงออกแสงออกมานี้ เราเรียกว่า "การกระจาย (Dispersion)"
การกระจายของแสงนี้จะตั้งอยู่บนความจริงที่ว่า "แสงที่มีความยาวคลื่นต่างกันจะเดินทางด้วยความเร็วที่ต่างกันในตัวกลางเดียวกัน"
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวทั้ง 4 ข้อแล้ว แสงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกคือ
1. แสงจัดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic wave) ชนิดหนึ่ง
2. คลื่นแสงเป็นคลื่นมี่มีการเปลี่ยนแปลงตามขวาง (Transverse wave)
ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทำให้เราสามารถสรุปได้ว่าคลื่นแสงเป็นคลื่น TEM
เป็นคลื่น TEM โดยลักษณะการเดินทางของแสงแสดงในรูปที่ 2.10
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2HUxO67KR_Yg3i6ITxuII9-_OXGcrvzZC8gc5Na8dEcWYLrP763SojuQI1QP8_NXfwQb3F06tGiCnWfsFAwuQ-k2YdI-_hyphenhyphenZoh9Zb-OZe1gf0dl05GkJxgESHWgrfuJ9tFIe5H3Dszo-m/s320/pic2_10.gif)
คือ ความเร็วของแสงในตัวกลางนั้นๆ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgpEEgQ_0ENmtKC8M3yqdE0lfpJHyBwlhlRal4rLhC5fHOuSJNvRhdHjnkmS8ixA4dea5qI6rb5AGjqlJO_YsFsnmtbTAXfxpXM7uKqy3iAx_AGs-8pBb6af9xkFdsKPUuv8RGY3t0_2Ge/s320/2_1.gif)
รูปที่ 2.1 ช่วงแถบความถี่แม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้ในการสื่อสารเส้นใยแสง
การสะท้อน
การสะท้อนของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
» การสะท้อนแบบปกติ (Regular reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบกับวัตถุที่มีผิวเรียบมันวาวดังรูปที่ 2.2
รูปที่ 2.2 การสะท้อนแบบปกติ
» การสะท้อนแบบปกติ (Regular reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบกับวัตถุที่มีผิวเรียบมันวาวดังรูปที่ 2.2
รูปที่ 2.2 การสะท้อนแบบปกติ
» การสะท้อนแบบกระจาย (Diffuse reflection) จะเกิดขึ้นเมื่อแสงตกกระทบวัตถุที่มีผิวขรุขระดังรูปที่ 2.3
รูปที่ 2.3 การสะท้อนแบบกระจาย
โดยการสะท้อนของแสงไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตามจะต้องเป็นไปตามกฎการสะท้อนของแสงที่ว่า "มุมสะท้อนเท่ากับมุมตกกระทบ"
การหักเห
การหักเหของแสงจะเกิดขึ้นเมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหไม่เท่ากัน โดยลำแสงที่ตกกระทบจะต้องไม่ทำมุมฉากกับรอยต่อระหว่างตัวกลางทั้งสอง และมุมตกกระทบต้องมีค่าไม่เกินมุมวิกฤต (Critical angel ; ) โดยการหักเหของแสงสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กรณี คือ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEisHNRi4-puQV02cPPXBioquvq_RNx7NB-WlqsgRObpDutJi7KcJPN4OHgSJglme1YKRG2mzjp5ev_5l7ZZ8zkPM1UXzvbs0kS6dXxeyZZ4AO-p8c_7a6ns4EY7aIo7KpkVcMRXcOeKU3By/s320/pic2_5.gif)
จากรูปที่ 2.5 ระยะเวลาที่แสงใช้ในการเดินทางในช่วง BC จะเท่ากับระยะเวลาที่แสงใช้ในการเดินทางในช่วง B'C' ซึ่งสามารถเขียนเป็นสมการได้ดังสมการ 2.2
(2.2)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhGVQpnJ7rUc5NRDJC8078Y7KcTqTC_h0rwNEQjzYNeDG4hcNYB9DPsrjWNFKgu_2WfaUUMm2NOhUKSYZO_ENpv1Pk3y1foSzUnB0_V42f5hywXzZ63hHgDz_tglImyAOSvXxYmUxNK28wx/s320/2_2.gif)
จากสมการ (2.2) จะได้
(2.3)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgc6wedKCgX6xHf7YSQ1d7DDirNHBv0xhjJiNFRZGNDGODTX6phCNTT7GsPhT2FrGbvxHRDHkAHSENrHC1NYnIS2ofz67hymGtRVF6Z1uAV_Gt1KuxnajGbTXG6AsIJXLnrwY-0npEdEoYS/s320/2_3.gif)
เมื่อพิจารณารูปสามเหลี่ยม BCC' และ BB'C' จะได้ความสัมพันธ์ทางตรีโกณดังนี้
(2.4)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgchqz09DIVaFvXz-K5TnvVzfrgU9D65mpczVMN1jEBGrI_6jOdUknD5N_7NGfDLxHzFz9jAPjPii_7Q6_smc0UWMtkgG6gqWI88JseBm7qK-W5oPyCeKk1KljgsWBCWVkVZZDBnOmen447/s320/2_4.gif)
และ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhshwO3XU-Igrueskn2kky7-yT1AWBu2LwZNSTT3-T-YMPsQoJph1F_wW6SeVP_dojt91iE-wHr6GBOPrMHHIUankMXndESpmY3ETAYX6YNtko2rrFzd-kzUzSiha5d8oWEwI6oQymX3eW-/s320/2_5.gif)
นำสมการ (2.4) และ (2.5) แทนลงไปในสมการ (2.3) จะได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgZzyXckup8RdZpHQbVf0jqFCmwa2w-z_J8yqtj_jw-Oix87N3MWrhR6u6iZRPcetPAj53GRzMzzOGIAs8H3IGThgdI-4BDlXr6Ow3uPgCC4Gl3A2dl2Depl2NdXx_XySxOIRdqTfn2XCYM/s320/2_6.gif)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg1fLBqFmRPTEHZPlDQTiCpzSMOGiUEEp92OqMrOFCLMFPJXtFCtl_DA2iuBKx0EWIcnKt8caCAfanTIvn9dekg5DoRYChlbE-dUjabPmZXXkDaymO1QtMFAJLWacc1NqvbFrd99OxH65x0/s320/2_7.gif)
รูปที่ 2.6 การหักเหของแสงกรณี n1 > n2
จากรูปที่ 2.6 จะเห็นว่าระยะทาง BC มีค่ามากกว่า B'C' เนื่องจากระยะทาง BC เป็นการเดินทางของแสงในตัวกลางที่มีค่าดัชนีการหักเหน้อยกว่า ดังนั้นในระยะเวลาเท่ากันแสงจะสามารถเดินทางได้มากกว่า
» การสะท้อนกลับหมด (Total Internal Reflection)
การเกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อค่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 1 มีค่ามากกว่าดัชนีการหักเหของตัวกลางที่ 2 (n1 > n2) และ ซึ่งจะส่งผลให้ มีค่าเท่ากับ หรือมากกว่าโดยเราสามารถหาค่า ได้จาก Snell's Law
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjz_iEwEWAgeiO-hNvoS78Je0iJvYgAt8zQHR7tCaL9r_LOQAE6v9wHbmisQhfcPZVJb-Uzi-g9dRzeGIg1pUfXGY_v_peCnKZIGISqaYAuIq5ZtYH7EdNsT8XupQYDiJcvdS_Flp5eHNxU/s320/2_7.gif)
ดังนั้นจะได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIBifuURS84bRHdveBBU3UWv1cBlxsbJffsJsEBTpQscXF29pW9sTF83YoQu5o9VaVVJCkdxz1oFd8tHw-GLqTuUKsjg7HvWW4LkvqaN7ZoXqT9Xqp2ZPyV8PaqiN2t_S8wSEE8Dqh_Avw/s320/pic2_7.gif)
รูปที่ 2.7 การสะท้อนกลับหมดของแสง
ในรูปที่ 2.8 แสดงตัวอย่างของการสะท้อนกลับหมดของแสง โดยการมองเครื่องบินที่อยู่ในอากาศจากใต้น้ำ ซึ่งจะสามารถมองเห็นเครื่องบินได้ก็ต่อเมื่อเรามองทำมุมกับผิวน้ำมากกว่า ค่าดังกล่าวได้มาจากการคำนวณมุมวิกฤตดังนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjXzR60225fneOr0wdy8iVyWJtRyPZYSukbINfoflpC1EwbvL4AD5qitapWoJDqR0uKh6xjPAwN3d39aedUP8f0dYCL0dkNwLGqphQEXJBQF4qPxCfEr1zl-3F96HTpDiadBShtN7-Q_FhD/s320/pic2_8.gif)
รูปที่ 2.8 ตัวอย่างการสะท้อนกลับหมดของแสง
จากสมการ แทนค่า n2=1 และ n1=1.33 จะได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvoAmQ5iA9apOnQCMYdP61sItkS08JNqSJRWk2izcCbu-Vx8kXWi8lOp-5CIPwkd7wzjckCpB5J7mI1bOpjrEVs9M4UETg6UIIjReeeJsAXQXyfaTk7SDwa6pj7bxhZR9ZekG1YB-9B8no/s320/2_18.gif)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh2Ih_SWwh3OuScXDjTmQ9NmywNb6UPaMUU6B2stUFv4sOlxTQueMf8hGCj5Y5vhdvk2AcziO0mIZfLWKYx2y7E0x-rOzBPmqtvL6qHGlU463yvA4AI1rcEFwBzcAW9iGIFQMTiU7KAu1DE/s320/2_19.gif)
ดังนั้นการมองจะต้องทำมุมกับเส้นปกติน้อยกว่า จึงจะสามารถมองเห็นเครื่องบินได้ ถ้าเรามองทำมุมกับเส้นปกติเท่ากับหรือมากกว่า จะทำให้เกิดการสะท้อนกลับหมดของแสงจึงไม่สามารถมองเห็นเครื่องบินได้ ซึ่งปรากฏการณ์การสะท้อนกลับหมดของแสงนี้จะทำให้แสงสามารถเดินทางไปในเส้นใยแสงได้
การกระจาย
ในการพิจารณาการเดินทางของแสงที่ผ่านๆ มา เราสมมติให้แสงที่เดินทางมีความยาวคลื่นเพียงความยาวคลื่นเดียวซึ่งเราเรียกแสงชนิดนี้ว่า "Monochromatic" แต่โดยธรรมชาติของแสงแล้วจะประกอบด้วยความยาวคลื่นหลายความยาวคลื่นผสมกัน ซึ่งเราเรียกว่า "Polychromatic" ดังแสดงในรูปที่ 2.9 จะเห็นว่าแสงสีขาวจะสามารถแยกออกเป็นแสงสีต่างๆ (ความยาวคลื่นต่างๆ) ได้ถึง 6 ความยาวคลื่นโดยใช้แท่งแก้วปริซึม ซึ่งกระบวนการที่เกิดการแยกแสงออกแสงออกมานี้ เราเรียกว่า "การกระจาย (Dispersion)"
การกระจายของแสงนี้จะตั้งอยู่บนความจริงที่ว่า "แสงที่มีความยาวคลื่นต่างกันจะเดินทางด้วยความเร็วที่ต่างกันในตัวกลางเดียวกัน"
นอกจากคุณสมบัติดังกล่าวทั้ง 4 ข้อแล้ว แสงยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกคือ
1. แสงจัดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic wave) ชนิดหนึ่ง
2. คลื่นแสงเป็นคลื่นมี่มีการเปลี่ยนแปลงตามขวาง (Transverse wave)
ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทำให้เราสามารถสรุปได้ว่าคลื่นแสงเป็นคลื่น TEM
เป็นคลื่น TEM โดยลักษณะการเดินทางของแสงแสดงในรูปที่ 2.10
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2HUxO67KR_Yg3i6ITxuII9-_OXGcrvzZC8gc5Na8dEcWYLrP763SojuQI1QP8_NXfwQb3F06tGiCnWfsFAwuQ-k2YdI-_hyphenhyphenZoh9Zb-OZe1gf0dl05GkJxgESHWgrfuJ9tFIe5H3Dszo-m/s320/pic2_10.gif)
รูปที่ 2.10 การเดินทางของคลื่นแสง
ทำBlogได้เยี่ยมไปเรยคุงเพี่ยนเอ๋ย..ย
ตอบลบแวะมาห้ายกามลางจายจร้า
ตอบลบอย่าลืมมาCommentห้ายราวบ้างนาคัฟ..ฟ
ไง
ตอบลบสุดยอดเลย
เยียมๆๆ
เก่งนะเนี่ย